ในช่วงกักตัวแบบนี้ การจะออกไปซื้อกาแฟที่ร้านข้างนอกหรือสั่งกาแฟมาดื่มทุกวันก็อาจจะไม่ค่อยสะดวกและค่อนข้างสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายเป็นอย่างมากเลยทีเดียว ดังนั้นอีกหนึ่งตัวช่วยที่จะสามารถทำให้คุณสามารถดื่มกาแฟหอมกรุ่นได้ง่าย ๆ ที่บ้าน อยากดื่มกาแฟตอนไหนก็ได้ดื่มก็คือเครื่องชงกาแฟแคปซูลนั่นเองค่ะ และถ้าหากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่รักในการดื่มกาแฟ ต้องไม่พลาดรีวิว 5 อันดับ เครื่องชงกาแฟชนิดแคปซูล ยี่ห้อไหนดี 2021 ที่คอกาแฟควรมีเอาไว้ในครอบครอง
วิธีเลือกเครื่องชงกาแฟแคปซูลให้ตอบโจทย์สำหรับการดื่มกาแฟของคุณ
สำหรับข้อดีของเครื่องชงกาแฟแบบแคปซูลนั่นก็คือมีขั้นตอนการใช้งานที่ไม่ยุ่งยาก ตัวเครื่องมีราคาไม่แพงจนเกินไป เมื่อคิดราคาเฉลี่ยต่อแก้วแล้วก็เรียกได้ว่าประหยัดกว่าไปซื้อที่ร้านเป็นไหน ๆ อีกทั้งยังได้กาแฟที่มีรสชาติสดใหม่ในทุกครั้งที่ชง ไม่ต้องมีอุปกรณ์อื่น ๆ ในการชงกาแฟให้ยุ่งยากเหมือนกับการใช้เครื่องชงกาแฟตามปกติ ซึ่งในการเลือกเครื่องชงกาแฟแคปซูลก็ควรพิจารณาในด้านต่าง ๆ เรื่องนี้ก็คือ
1. เลือกขนาดของเครื่องชงกาแฟแคปซูลให้เหมาะสมกับความต้องการ
ต้องบอกว่าเครื่องชงกาแฟแคปซูลที่มีขายกันในท้องตลาดปัจจุบันนี้มีให้เลือกมากมายหลายแบบและหลายยี่ห้อเลยทีเดียว ซึ่งในการเลือกเครื่องชงกาแฟแคปซูลก็ควรพิจารณาดูจากปริมาณการดื่มกาแฟในแต่ละวัน ซึ่งขนาดของเครื่องชงกาแฟแคปซูล ซึ่งก็มีให้เลือกตั้งแต่ความจุของแทงค์น้ำขนาดเล็กตั้งแต่ 0.6 ลิตร ไปจนถึงขนาดใหญ่ 1 ลิตร
2. เลือกรูปแบบของแคปซูลที่ใช้กับเครื่องชงกาแฟ
โดยทั่วไปแล้วก็จะมีแคปซูลกาแฟที่ขายกันอยู่โดยทั่วไปก็คือ ขนาด 13x13x38 เซนติเมตร และขนาด 12x12x34 เซนติเมตร ซึ่งก็ต้องดูว่าแคปซูลกาแฟที่เราชอบใช้นั้นมีขนาดเท่าไหร่ จะได้เลือกเครื่องชงกาแฟแคปซูลให้ตรงกับขนาดของแคปซูลกาแฟที่เราต้องการ
3. เลือกเครื่องชงกาแฟแคปซูลแบบมีระบบสตีมนม
หลายคนอาจนิยมดื่มเพียงแค่กาแฟดำตามปกติ แต่ในบางครั้งก็ไม่ได้มีเพียงแค่เราคนเดียวที่ดื่มกาแฟ ดังนั้นการเลือกเครื่องชงกาแฟที่มีระบบสตีมนมหรือตีฟองนมมาให้ก็ถือได้ว่าเป็นการตัดสินใจเลือกที่ดี เพราะสามารถใช้ทำเมนูกาแฟผสมนมได้อีกหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นลาเต้ คาปูชิโน่ มอคค่า หรือมัคคิอาโต้ นอกจากนี้ก็ยังสามารถใช้สตีมนมเพื่อนำมาใช้ชงกับเครื่องดื่มอื่นๆอย่างเช่นโกโก้หรือชาได้อีกด้วย
4. เลือกขนาดของที่วางแก้วกาแฟให้เหมาะสม
ในการชงกาแฟด้วยเครื่องชงกาแฟแคปซูลนั้นจะต้องมีการวางแก้วเพื่อรองรับกาแฟที่ไหลออกมา ดังนั้นจึงควรเลือกเครื่องชงกาแฟแคปซูลที่สามารถวางแก้วกาแฟได้หลากหลายรูปแบบ
5. เลือกเครื่องชงกาแฟแคปซูลที่สามารถดูแลทำความสะอาดได้ง่าย
แน่นอนว่าเวลาใช้งานไปนาน ๆ ก็ควรที่จะมีการทำความสะอาดเครื่องชงกาแฟแคปซูล ดังนั้นจึงควรเลือกเครื่องที่สามารถทำความสะอาดได้ง่ายหรือเลือกเครื่องที่มีโหมดทำความสะอาดมาให้ใช้งานกัน
1. Tefal เครื่องชงกาแฟชนิดแคปซูล รุ่น MINI ME
มาเริ่มกันที่เครื่องชงกาแฟแคปซูลจาก
Tefal รุ่น MINI ME ที่มาพร้อมดีไซน์กระทัดรัดประหยัดพื้นที่ สามารถวางแก้วทรงสูงได้สบาย มีโหมดประหยัดพลังงานที่สามารถปิดเครื่องได้อัตโนมัติหากไม่ได้มีการใช้งานภายใน 5 นาที พร้อมแถบควบคุมปริมาณน้ำและระบบหยุดน้ำอัตโนมัติที่สามารถเลือกชงเครื่องดื่มได้ตามปริมาณที่ต้องการ มีถาดรองน้ำหยดสามารถปรับได้ถึง 3 ระดับ ถอดล้างทำความสะอาดง่าย นอกจากนี้ก็ยังสามารถถอดแทงค์น้ำมาเติมน้ำได้อย่างสะดวกอีกด้วย
- กำลังไฟ 1,500 วัตต์
- ความจุแทงค์น้ำ 0.8 ลิตร
- แรงดัน 15 บาร์
- ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง) 30.5 x 19.4 x 37.5 cm.
- น้ำหนัก 2.55 kg.
2. NESCAFE DOLCE GUSTO เนสกาแฟ โดลเช่ กุสโต้ เครื่องชงกาแฟแคปซูล
ตามมาด้วยยี่ห้อสุดฮิตสำหรับเครื่องชงกาแฟแคปซูลอย่างเนสกาแฟ ซึ่งในรุ่นนี้ก็จะเป็นแบบเดียวกับเครื่องชงกาแฟของ Tefalในข้อแรก โดยมาพร้อมกับดีไซน์สวยหรูพรีเมี่ยม ขนาดเล็กกะทัดรัดประหยัดพื้นที่ สามารถควบคุมความดันด้วยแคปซูลอัจฉริยะพร้อมระบบตัดพลังงาน รองรับแก้วกาแฟทรงสูงและแก้วกาแฟได้หลากหลายแบบด้วยฐานรองที่สามารถปรับได้ถึง 3 ระดับ ให้คุณดื่มกาแฟสดที่บ้านได้ง่าย ๆ ตามที่ใจต้องการ
- กำลังไฟ 1,500 วัตต์
- ความจุแทงค์น้ำ 0.8 ลิตร
- แรงดัน 15 บาร์
- ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง) 30.5 x 19.4 x 37.5 cm.
- น้ำหนักตัวเครื่อง 2.55 kg.
3. Duchess เครื่องชงกาแฟระบบแคปซูล CM6300
เรียกได้ว่าเป็นยี่ห้อของเครื่องชงกาแฟที่ใช้ในครัวเรือนยอดนิยมในบ้านเราเลยก็ว่าได้ โดยในรุ่นนี้ก็สามารถใช้กับแคปซูลกาแฟ Nespresso ชนิดอลูมิเนียมได้ สามารถตั้งปริมาณกาแฟได้ตามต้องการ มีโปรแกรมเลือกปริมาณการชงได้ 9 ระดับ (15 – 180 ml.) และมีโหมดชงกาแฟด้วยตนเอง โดยสามารถชงได้ทั้ง Espresso และ Lungoพร้อมโหมดประหยัดพลังงานและการสแตนบาย ตัวเครื่องมีขนาดเล็กกะทัดรัดใช้งานง่าย แต่สำหรับรุ่นนี้ระยะของถาดรองจะค่อนข้างแคบจึงไม่รองรับการใช้งานร่วมกับแก้วทรงสูง
- กำลังไฟ 1,400 วัตต์
- ความจุแทงค์น้ำ 0.6 ลิตร
- แรงดัน 19 บาร์
- ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง) 10 x 34 x 24.5 cm.
- น้ำหนักตัวเครื่อง 3.1 kg.
4. KRUPS เครื่องชงกาแฟแบบแคปซูล รุ่น KP1A08
มาต่อกันที่เครื่องชงกาแฟแบบแคปซูลราคาเบา ๆ ที่ชงกาแฟออกมาได้ดีงามไม่แพ้ใคร มาพร้อมขนาดเล็กกะทัดรัดสไตล์โมเดิร์น ถาดรองน้ำสามารถปรับได้ 3 ระดับจึงรองรับการใช้งานร่วมกับแก้วทรงสูงได้อย่างสะดวก มีโหมดสำหรับการประหยัดพลังงาน สามารถทำเครื่องดื่มจากแคปซูลที่หลากหลายกว่า 13 รสชาติทั้งกาแฟดำ กาแฟนม และ เครื่องดื่มอื่น ๆ สำหรับสมาชิกทุกคนในครอบครัว เพียงแค่กดปุ่มเลือกโหมดสำหรับทำเครื่องดื่มร้อนหรือเครื่องดื่มเย็น
- กำลังไฟ 1,340 – 1,600 วัตต์
- ความจุแทงค์น้ำ 0.8 ลิตร
- แรงดัน 15 บาร์
- ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง) 14 x 27 x 28 cm.
- น้ำหนักตัวเครื่อง 2.4 kg.
5. Bear เครื่องชงกาแฟแคปซูล เครื่องชงกาแฟอัตโนมัติ
ปิดท้ายกันที่ Bear แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าจากจีนที่กำลังมาแรงและได้รับความนิยมในบ้านเราพอสมควรเลยทีเดียว โดยเครื่องชงกาแฟแคปซูลในรุ่นนี้สามารถรองรับการใช้งานภายในบ้านและสำนักงานได้เป็นอย่างดี มีขนาดเล็กกะทัดรัดใช้งานง่าย พร้อมการสกัดกาแฟด้วยอุณหภูมิคงที่ 92 องศาเซลเซียส และสามารถทำกาแฟได้ภายในเวลาเพียง 40 วินาที และยังมาพร้อมกับฟังก์ชันหน่วยความจำเพื่อจดจำการตั้งค่าการชงกาแฟ ให้คุณได้ลิ้มรสกับกาแฟที่เข้มข้นหอมกรุ่นอย่างที่ชื่นชอบในทุก ๆ วัน
- กำลังไฟ 1,450 วัตต์
- ความจุแทงค์น้ำ 0.6 ลิตร
- แรงดัน 19 บาร์
- ขนาด (กว้าง x ยาว x สูง) 15 x 36.5x 29.1 cm.
- น้ำหนักตัวเครื่อง 3.15 kg.
และทั้งหมดนี้ก็คือรีวิว 5 อันดับ
เครื่องชงกาแฟแคปซูล ยี่ห้อไหนดี 2021 ที่คอกาแฟควรมีเอาไว้ในครอบครอง บอกได้เลยว่าเป็นไอเทมที่ตอบโจทย์สำหรับคอกาแฟเป็นอย่างมาก เพราะทั้ง สะดวกรวดเร็ว ชงง่าย และได้กาแฟที่หอมกรุ่นสดใหม่ในทุกครั้ง นอกจากนี้ก็ยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อกาแฟไปได้อีกเยอะเลยทีเดียว